วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

DUCATI MONSTER 795

MONSTER 795

รถในตระกูล Monster ต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่างคือ 1. เครื่องต้องแรงและรอบต้องจี๊ด 2. ต้องเป็นรถที่ขี่ง่ายจนเข้าขั้นง่ายที่สุดของต้นสังกัด ซึ่งหากมองเพียงภายนอกเราอาจจะคิดว่านี่คือรถราคาแพงและยังเป็นสินค้าที่นำเข้ามาขายคนกระเป๋าหนักเท่านั้น เรื่องรถราคาแพงมันก็ใช่คับ แต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะทุกวันนี้มีการผ่อนชำระและการออกรถที่ใช้เงินไม่มาก ข้อที่สองมันคือสินค้านำเข้าเรื่องนี้ ณ เวลานี้ มันเปลี่ยนไปแล้ว เพราะเดี๋ยวนี้มีการประกอบรถในประเทศไทยแล้ว สนนราคาค่าตัวจึงลดลง ส่งกระแสให้กลุ่มนนิยมเล่นกันมากขึ้น





DUCATI MONSTER 795


Monster เพียงแค่ชื่อก็บอกสรรพคุณได้แล้วว่ามันคือ “ปีศาจแห่งท้องถนน” ไม่ว่าจะความเร็วหรือความงดงาม รถร่นนี้มาแบบจัดเต็ม รุ่นก่อนๆ จะใช้สวิงอาร์มหลังแบบแขนเดี่ยว พอมาเป็นรุ่นใหม่ ๆ ก็กลับไปใช้สวิงอาร์มหลังแบบคู่ แน่นอนว่ามันไม่สวยเหมือนแขนเดียว แต่ให้ความรู้สึกที่มั่นใจกว่า บางคนอาจจะพูดว่าเสียเวลาเปลี่ยนยาง แต่อันที่จริงผมว่า “เราไม่ได้เปลี่ยนยางกับทุกอาทิตย์นะ” ในเมื่อไม่ได้เปลี่ยนยางกันทุกวันเว้นวันหรือทุกอาทิตย์ รวมทั้งไม่ใช่นักแข่งที่เอารถไปวิ่งในเชอร์กิต จะสนไปทำไมกับเรื่องงเสียเวลาเปลี่ยนยางแบบนั้น ทุกวันนี้เราจะเป็นรถรุ่นนี้มากขึ้นซึ่งก็พอจะยืนยันได้ว่าของเขาดีน่าสนใจ ไม่อย่างนั้นคงจะไม่เคยได้เห็นบนถนนเลยสักครั้ง





หน้าปัดเรือนไมล์ รายงานครบถ้วน


การตกแต่งรถรุ่นนี้ก็ไม่มีอะไรมากครับ “แฮนด์ ล้อ ท่อไอเสีย” 3 องค์ประกอบหลัก ๆ ที่ทำให้รถดูเด่นด้วย





ไฟหน้ามาตรฐานประจำตระกูล Monster


สำหรับพระเอกที่เราเอมาบันทึกภาพนั้นตัวแฮนด์บังคับยังคงเป็นแบบ OEM พื้นฐานจากโรงงาน แต่ชุดท่อไอเสียและวงล้อนั้นเล่นแรงๆ กับของแต่งกันเลยทีเดียว ท่อไอเสีย TERMIGNONI ปลายคอร์บอนให้สำเนียงที่โหดเอาเรื่องและยังไม่ส่งไอร้อนขึ้นมารบกวนอีกด้วย ส่วนวงล้อเล่นของแพงแต่ยังไม่สุดของ MAR CHESINI เพียงแต่นี่คือของ OEM ที่แม้จะไม่ใช่เกรดเดียวกับที่ใช้แข่งในระดับ GP แต่มันก็ช่วยลดน้ำหนักและเติมความหล่อขึ้นมาอีกหลายขุม สัดส่วนยางก็เบ่งขยายเต็มที่ตามวงล้อกันเลยทีเดียว นอกนั้นก็มีกันล้มหัวเห็นทั้งหน้าและหลัง อ้อ …เกือบลืม ยังมีปั๊มบนเบรคหน้าและชุดป็มคลัทช์ด้านบน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนใจไปใช้ของแต่งจาก BREMBO รุ่น RCS 19 ทั้งหมดซุ่มแต่งจิรงๆ เลยนะเนี่ย..





DUCATI MONSTER 795
DUCATI MONSTER 795 ช่วงล่างนุ่มมากๆ อยากให้ลอง


แหม !!! จั่วหัวเป็นการชวนชิมเค้กนิ่มๆ เลย แต่เปล่า นะครับ เราไม่ได้หมายความแบบนั้น แต่มันเป็นความรู้สึกจริง ๆ ที่รู้สึกได้ตั้งแต่แรกขับขี่ ระบบช่วงล่างของ Monster 795 คันนี้แม้จะเป็นแบบเดิมชนิดออกจากโรงงาน แต่ด้วยความเป็นรถสัญชาติอิตาเลียนจึงทำให้มันมีความพิเศษ อย่างแรกคือนุ่มนวล อย่างที่สองคือเกาะถนนทุกย่านความเร็ว





DUCATI MONSTER 795


ช็อคอับหน้าเป็นเทเลสโคปิคแบบหัวกลับ ขนาด 43 มม. ผิดเกนเคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม มีโหมดการปรับตั้งที่ละเอียดมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นความกระด้างเข็ง หรือ สปีด ช้า/เร็ว ของจังหวะการคืนตัว SHOWA ให้ระยะการทำงานที่ 120 มม. ด้านหลังเป็นงานของช็อคอับเดี่ยว ขดสปริงสีเหลืองสดเห็นเด่นเป็นสง่าปรับตั้งได้ครบทั้งกระด้างแข็งของขดสปริงและสปีด เร็ว/ช้า ของการคืนตัว มันมีระยะในการทำงาน 148 มม. สาเหตุระยะการทำงานของช็อคอับหลังมีมากว่าด้านหน้าก็เหราะ Monster เป็นรถที่มีอัตราเร่งโหดชนิดด่วนจี๋ หากเป็นรถที่มีระยะการทำงานของช็อคอับหลังน้อย ๆโอกาสที่จะยกล้อโดยไม่ได้ตั้งใจและหงายหลัง… ความเป็นไปได้จะสูงถึงสูงที่สุด ด้วยเหตุนี้เองทางต้นสังกัดจึงเพิ่มระยะการทำงานและทำให้รถมีนิสัยที่นุ่มนวลเพื่อจะได้ไม่ต้องห่วงมากเวลากระแทกเร่งแรง ๆ





DUCATI MONSTER 795
BREMBO เท่านั้น คือคำตอบ!


มาถึงระบบห้ามล้อ หรือระบบเบรก รถคันนี้ใช้แบบจานเบรคทั้งด้านหน้าและหลัง โดยด้านหน้านั้นเป็นจานเบรคแบบคู่ ชนิดกึ่งให้ตัวได้ ขนาด 320 มม. ชุดคาลิเปอร์เป็นแบบ 4 ลูกสูบ เรเดียบเมาท์สั่งงานดัวยแรงดันนี้มันเบรก ปั๊มเบรคด้านบนเป็นของแต่งจาก BREMBO รุ่น RCS 19 กระปุกน้ำมันเบรคของรถสปอร์ ส่วนด้านหลังเป็นจานเบรคตายตัวขนาด 245 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ สั่งงานด้วยระบบไฮดรอลิค และใช้ปั๊มแบบกระทุ้งทำหน้าที่รับคำสั่งจากพักเท้าด้านขวา สมรรถนะของชุดห้าม ล้อทั้งหน้าและหลังของรุ่นนี้ บอกได้เลยว่านิ่มนวลและไว้ใจได้ ไม่ว่าจะความเร็วขนาดไหน ? มันสามารถจะหยุดได้ตามสั่งแค่ปลายนิ้วเท่านั้น แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพของถนนว่าเป็นแบบเปียก หรือแห้งและที่สำคัญคนขี่ควรมีทักษะมากพอในการขับขี่





DUCATI MONSTER 795


แม้ว่ารุ่นนี้จะไม่ได้เป็นรุ่นที่เสริมระบบ ABS แต่มันก็ไว้ใจได้ค่อนข้างมากสำหรับประสิทธิภาพ ซึ่งถ้าเป็นMonster 795 ABS ก็จะมีการติดตั้งชุดจานสร้างจังหวะ โดยเจ้าจานนี้จะมีลักษณะเป็นร่อง ๆ ถี่ ๆ เป็นวงเล็กๆ อยู่ใกล้ ๆ กับดุมล้อ และจะมีชุดยิงเซ็นเซอร์ทำหน้าที่ร่วมกับกล่อง ABS เพื่อทำให้เวลาที่มีการกดเบรก เจ้าร่องนี้จะเป็นตัวสั่งให้คาลิเปอร์จับหรือปล่อยโดยอัตโนมัติเพื่อลดอาการล้อล็อคเมื่อใช้เบรคอย่างกะทันหัน





DUCATI MONSTER 795
ฟรีไซส์สำหรับทุกสัญชาติ


สุดท้ายที่เกือบลืมก็คือสัดส่วนของรถคันนี้แม้ว่าจะเปลี่ยนวงล้อและเพิ่มขนาดของยาง แต่มิติของสรีระก็ยังคงเท่าเดิม DUCATI MONSTER 795 คันนี้มีขนาด ยาว/สูง เท่ากับ 2ฐ100/1,060 มม. ระยะห่างฐานล้อ 1,450 มม. ความสูงของเบาะนั้น (คนขี่) 770 มม. มีขนาดความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง 15 ลิตร ขนาดยางหน้า 120/70 ZR 17 นิ้ว และขนาดของยางหลัง 180/55 ZR 17 นิ้ว สปีด ความเร็งสูงสุด (เท่าที่ทำได้) 204 กม./ชม. จุดที่น่าสนใจมากที่สุดก็คือแผงหน้าปัด เพรามันรายงานทุกอย่างด้วยระบบดิจิตอล นอกจากนั้นยังมีโหมดต่าง ๆให้ปรับตั้งรวมถึงไฟหน้าได้อีกด้วย


ขอบคุณข้อมูลจาก http://newcar2thai.com/

ข้อมูล cbr650






วันนี้ (5/4/2014) เราได้มีโอกาสทดสอบ เจ้า 4 สูบ 650cc จาก Honda กัน 2 รุ่น ทั้ง CBR650f และ CB650f โดยขับกัน ในสนามฝึกอบรมขับขี่ปลอดภัย Honda สุขาภิบาล โดยได้ขับกันคนละ 10 นาที ในรุ่นภายในสนาม โดยได้รับเกียรติจาก ฟีม รัฐภาคย์ วิไลโรจน์ อดีตนักแข่ง Moto2 ของไทยเรามาร่วมทดสอบด้วย


การดีไซน์ ของตัวรถ หลายคนอาจสงสัย F ที่ต่อท้ายคืออะไร ที่จริงแล้วมันมีความหมาย ว่า street fighter โดยจะแตกต่างกับรถตระกูล R ที่เป็นเบาะตอนเดียว และลักษณะของการขับขี่ และสมรรถนะที่จะเน้นในตีนต้น ตามแบบฉบับ Street bike


ทั้งรุ่น CBR650f และ CB650f ได้ดีไซน์ออกให้ดูแข็งแกร่งบึกบึน โดยที่ไม่ทิ้งความเพรียวในรูปแบบ ของรถ Compact และต้องเป็นรถที่ใช้งานได้อย่างสะดวก ทั้งผู้ขี่และผู้ซ้อน เบาะจึงได้ทำเป็นเบาะตอนเดียว แต่แบ่งระดับ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของรถในตระกูบ f Series ไฟหน้าได้ใช้รูปทรง V Shape แบบ Multi Reflector พร้อมไฟหรี่ LED และไฟท้ายแบบ LED เช่นกัน ท่อดีไซน์ออกด้านล่าง ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่ของรถ Bigbike ขนาดกลาง ในส่วนของมาตรวัดเป็นแบบ Digital LCD นอกจากนั้นยังใช้กุญแจนิรภัย HISS และ Wave Key ตัวถังน้ำมันมีความจุ 17.3 ลิตร มีน้ำหนักตัว Curb Weight 209 กก./ 211 กก. CB650f/CBR650f โดยจุดแตกต่างของทั้ง 2 คือ แฟริ่งหน้า แบบสปอร์ต และ Naked กับแฮนด์รูปแบบ Separate Handle และ Handbar


สำหรับสี นั้น CBR650f มีให้เลือก 2 สีแบบ Monotone คือ แดง และ ดำ ขณะที่ CB650f มี3 สี ได้แก่ Tricolor ล้อทอง, ดำ และ เหลือง

ในด้านสมรรถนะการขี่ ด้วยขุมพลัง 4 สูบเรียง ความจุ 648.7cc DOHC 16 วาล์ว หัวฉีด PGM-FI ระบายความร้อนด้วยน้ำ ส่งผ่านกำลังด้วยเกียร์แบบคลัชมือ 6 Speed ซึ่งอัตราทดเกียร์ แต่ละเกียร์ไม่มี Overdrive เลย เน้นจัดจ้านเป็นหลัก อาจไม่เน้นประหยัดนัก สำหรับเครื่องยนต์ตัวนี้ ได้ถูกตั้งรอบเดินเบาไว้ที่ 1,250rpm ทาง Honda ได้เคลม อัตราเร่ง จาก 0-400 ม. ได้ใน 12 วินาที จากกำลัง 87 แรงม้าที่ 11,000rpm และแรงบิด 63Nm ที่ 8,000rpm


มีอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 21 กม./ลิตร (จากข้อมูลของเว็บ Honda EU)

ทันทีที่กำคลัช ออกตัว พบว่า ระยะคลัช ของตัว CBR650f และ CB650f ดูต่างกัน (เทียบจากคันที่ทางเราได้ลองขี่) ในตัว CB พบว่า จะมีช่วงคลัชที่สั้นกว่า ซึ่งในการออกตัวอาจต้องเติมคันเร่งเพิ่มเข้าไปเล็กน้อย ตอนออกตัว และพบว่า แรงบิด ที่ดึงแบบสัมผัสได้ อาจมาช้ากว่าเครื่องยนต์ 2 สูบเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อแรงบิดมาแล้ว มันมายาว สมูทต่อเนื่องในทุกรอบเครื่องยนต์ กำลังในช่วงต้น ถือว่าจัดกว่าที่คาดคิดไว้ในตอนแรก มันตรงไปตามที่ทาง Honda ตั้งเป้าให้มันเป็นรถแบบ Street Fighter มีสมรรถนะ ในการออกตัว ที่ดีเยี่ยม ในช่วงที่มีทางตรงยาว อาจลองลากไปได้ถึงเกียร์ 4 เราพบว่า การลากจาก 2->3->4 ทำได้ต่อเนื่อง และรอบไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องลากกันจนสูงถึงเกือบเข้า Redline ก็เพียงพอต่อการเรียกกำลังใช้งานแล้ว ช่วงความเร็วต้น ถึงปานกลาง ถึงว่าทำได้ดีกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย แต่ด้วยพื้นที่ในสนามทดสอบ มีจำกัด ทำให้เราอาจไม่ได้ลองลาก เค้นความเร็วกันมากนัก และนอกจากนั้น การประคองคันเร่งในโค้งกว้างยาวๆ ก็ทำได้เนียนทีเดียว จากเครื่องยนต์ที่สมูท



ระบบกันสะเทือนและ บังคับเลี้ยว ทั้ง 2 รุ่นนี้ใช้ระบบกันสะเทือน เหมือนกัน คือ โช้คอัพหน้าแบบ Telescopic แกน 41mm มีระยะยุบที่ 120mm ขณะที่ด้านหลังแบบ Monoshock แกน 43.5mm มากับสวิงอาร์มอลูมีเนียม ทั้งชิ้น

และอีกจุดที่ช่วยให้ การขับขี่ทำได้อย่างมั่นใจจาก ขนาดยางหลังที่กว้างใหญ่โต 180mm ซึ่งถือว่าให้มากว้างสุดในพิกัดเดียวกัน ซึ่งช่วยให้ การเข้าโค้งยาวๆ สามารถเข้าได้อย่างมั่นใจยิ่งขึ้น

แต่มีจุดที่แตกต่างกัน อยู่ที่แฮนด์บังคับเลี้ยว ที่ใช้เป็น Separate Handle หรือ แฮนด์ยึดแผงคอ ในตัวสปอร์ต CBR650f และ แบบ Handbar ในตัว Naked CB650f นั่นส่งผลให้ท่าทางการนั่งเปลี่ยนไป CBR650f จะต้องโค้งหลังลงมากกว่าจากตำแหน่งแฮนด์ที่ต่ำลง มีรัศมีช่วงแฮนด์ที่ดูแคบ ทำให้การเข้าโค้งยาวๆ นั้นทำได้ง่ายกว่า และดูมั่นคงกว่า ในขณะที่ตัว CB650f แฮนด์บาร์ที่ถึงแม้จะดูไม่กว้างมาก แต่ตำแหน่งแฮนด์จะสูงกว่า ทำให้ท่านั่งไม่ต้องคร่อมหลังลงมากนัก และช่วยให้การบังคับเลี้ยว ในวงแคบ สามารถหักองศาได้มากกว่า และหัวรถที่เป็นแบบ Naked ทำให้แฮนด์ดูจะว่องไวกว่า ซึ่งอาจจะคุมยากกว่า CBR650f เล็กน้อย


ระบบเบรก แบบจานดิสก์คู่หน้า ขนาด 320mm พร้อมคาลิปเปอร์ 2 สูบ จาก Nissin และ จานดิสก์เดี่ยวหลังด้านหลัง ขนาด 240mm คาลิปเปอร์ 1 สูบ จาก Nissin พร้อม ABS ซึ่งการเบรกยังคงให้ความมั่นใจได้ดี ในช่วงทางตรงซัดยาวๆ และต้องชะลอความเร็วก่อน U-Turn สามารถที่จะหน่วงความเร็วลงมาได้รวดเร็วจาก ความเร็วราว 100 กม./ชม. ลงมาเหลือ เพียงประมาณ 30 กม./ชม. ได้ในเวลาอันสั้น ซึ่งฟีลลิ่งจะแตกต่างจาก ตระกูล 500cc อย่างเห็นได้ชัด เพราะจะออกทื่อๆ ด้านๆ กว่า แต่ในตัวนี้ปั๊มเบรก รู้สึกจับตัวกับจานได้ค่อนข้างรวดเร็ว ฉับไว แม้แตะเลียๆ เบรก ในตอน Slalom หลบทางคดเคี้ยว ก็รู้สึกได้ว่า เบรกหนึบจิกติดมือทีเดียว


สรุปเบื้องต้น รถจักรยานยนต์ขนาด 650cc 4 สูบ ตระกูล f ของ Honda ถือเป็นรถ Bigbike ขนาดกลาง สไตล์ Street Fighter ซึ่งเป็นรถที่สามารถใช้งานในชีวิตประจำวันได้ มันสามารถขี่ได้อย่างสมูทนุ่มนวล เสียงหล่อ และ ด้วยขนาด และ น้ำหนักตัวที่ไม่มาก รวมถึงความสูงเบาะ ที่ไม่สูงจนเกินไป ทำให้มันเป็นรถรองรับกับผู้ขี่หลายสรีระ
และ เมื่อเทียบกับคู่แข่ง โดยตรงแล้ว ด้วยสเป็ก ที่ให้มาดีกว่า ทั้ง สวิงอาร์มอลูมีเนียม ที่ช่วยให้น้ำหนักเบา และล้อหลังขนาด 180mm ที่สำคัญเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ให้ซุ่มเสียงในแบบแรงสุภาพชน ในราคา 2.85 – 3 แสนบาท นั่นหมายความว่า + เพิ่มอีกนิด แต่ได้สเป็กเต็มกว่า และจะพาให้ รถ Bigbike เครื่องยนต์ 4 สูบ 600cc อย่าง BN600 เหนื่อยยิ่งขึ้น แต่ทว่า อาจจะเสียเปรียบกว่าค่ายยักษ์เขียว ไปนิดในเรื่องของศูนย์บริการที่ยังน้อยกว่า (ณ ขณะนี้)) กับ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาที่ดูจะสูงกว่า แต่ถ้านับจากกลุ่มเป้าหมายของ Honda ที่ตั้งไว้ ซึ่ง เป็นผู้ที่มีรายได้ค่อนข้างสูง อาจไม่สนใจมากนัก หรือคิดว่านานๆ ครั้งนำรถเข้าศูนย์บริการ แค่นี้เพื่อรถที่รักแล้วล่ะก็ จัดเลยไป



ราคา


Honda CBR650f ราคา 300,000 และ CB650f ราคา 285,000 บาท และ 288,000 บาท สำหรับ สี Tricolor

ข้อมูลจาก

topspeed by Mehay superbike


ข้อขอบคุณข้อมูลจาก www.autospinn.com




ข้อมูลทางเทคนิค นินจา300



ข้อมูลทางเทคนิคของ Kawasaki Ninja 300
เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ : 296 ซีซี
ระบบวาล์ว : DOHC, 8 วาล์ว
ขนาดกระบอกสูบ/ช่วงชัก : 62.0 x 49 มม.
อัตราส่วนการอัด : 10.6:1
ระบบเกียร์ : 6 เกียร์ แบบรีเทิร์น
ระบบจุดระเบิด : ดิจิตอล
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : หัวฉีด (∅32 ม.ม. x 2) พร้อมกับลิ้นผีเสื้อคู่
ระบบสตาร์ท : สตาร์ทไฟฟ้า
โครงสร้างตัวถัง : ท่อเหล็กไดมอนด์
มุมแคสเตอร์/ระยะเทรล : 27° / 93 มม.
ขนาดยางหน้า : 110/70-17 M/C (54S)
ขนาดยางหลัง : 140/70-17 M/C (66S)
โช้คอัพหน้า : โช้คอัพเทเลสโคปิค ขนาด 37 มม.
โช้คอัพหลัง : โช้คแก๊สเดี่ยว พร้อมแขนยึดยูนิแทรค ปรับได้ 5 ระดับ
เบรกหน้า : จานดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 263 มม. คาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ พร้อมระบบ ABS
เบรกหลัง : จานดิสก์เบรกเดี่ยว ขนาด 193 มม. คาลิปเปอร์ลูกสูบคู่ พร้อมระบบ ABS
ยาว x กว้าง x สูง : 2,015 มม. x 715 มม. x 1,110 มม.
ระยะฐานล้อ : 1,405 มม.
ความสูงเบาะ : 785 มม.
น้ำหนักรถ : 174 กก.
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง : 17 ลิตร

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก
 http://www.koratnana.com/index.php?topic=7834.0#sthash.ZOBxFrvX.dpuf

คำนิยามของ BigBike

BIG BIKE

Bigbike คือคำที่ใช้เรียกรถมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่กว่ารถมอเตอร์ไซค์ทั่วๆไปหรือที่เรียกกันจนติดปากว่า สี่สูบ ขนาดของมอเตอร์ไซค์ที่มีขนาดใหญ่ในที่นี้คือขนาดของเครื่องยนต์ เฟรม ล้อและยางของรถ รถที่เรียกว่าBigbikeจะมีความจุของเครื่องยนต์ตั้งแต่ 250 cc ขึ้นไปจนถึง 2400 cc ซึ่งในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อก็จะมีรูปแบบของเครื่องยนต์และระบบส่งกำลังที่แตกต่างกันออกไปซึ่งจะมีตั้งแต่สูบเดี่ยว ถึง 6 สูบ และจัดวางอยู่ในรูปแบบของสูบเรียงและสูบV ในส่วนระบบส่งกำลังก็จะมีตั้งแต่ระบบที่ใช้โซ่ ใช้เพลาขับ และใช้สายพาน เป็นต้น
Naked Bike เป็นชื่อที่ใช้เรียกรถ Bigbike ที่มีรูปแบบเป็นรถเปลือยแฟริ่งในส่วนด้านหน้า จะมีแฟริ่งในส่วนด้านท้ายของรถเท่านั้น ข้อดีของรถประเภทนี้คือสามารถใช้ขับขี่ในเขตชุมชนที่มีการจราจรค่อนข้างหนาแน่นได้ง่ายและสามารถระบายความร้อนออกจากเครื่องยนต์ได้ดีกว่ารถ Bigbikeประเภทอื่นๆ และยังมีการออกแบบให้มีท่วงท่าในการขับขี่ที่ไม่ต้องก้มหรือโน้มตัวไปข้างหน้าเพื่อจับแฮนด์มากนัก โดยมีการออกแบบให้แฮนด์อยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างสูงและมีเบาะที่ต่ำกว่ารถ Sport Bike
Sport Bike คือรถBigbikeที่มีการออกแบบมาเพื่อใช้ในการแข่งขันทางเรียบเนื่องจากรถประเภทนี้จะมีสมรรถนะของเครื่องยนต์และช่วงล่างสูงมากกว่ารถBigbikeประเภทอื่นๆ ซึ่งรถประเภทนี้มีท่วงท่าในการขับขี่แบบกึ่งนั่งกึ่งหมอบเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมและทรงตัวในการใช้ความเร็วสูงๆและควบคุมอาการของรถในการเข้าโค้งได้เต็มประสิทธิภาพ
Touring BikeคือรถBigbikeประเภทหนึ่งที่ออกแบบมาสำหรับใช้ในการเดินทางหรือท่องเที่ยวที่มีระยะทางไกลๆและใช้เวลาในการขับขี่ค่อนข้างนานโดยเฉพาะ ซึ่งรถประเภทนี้จะมีรูปทรงคล้ายกับรถ Sport Bike แต่จะมีตำแหน่งของแฮนด์ที่สูงกว่ารถSport Bike ท่าทางในการขับขี่จะคล้ายกับการขี่รถNaked Bike และรถ Touring Bikeนี้จะมีชิวล์ที่มีขนาดใหญ่เพื่อใช้บังลมและฝนที่จะเข้ามาปะทะผู้ขับขี่ในตอนที่ใช้ความเร็วสูงๆหรือขณะมีฝนตก
ชอปเปอร์ (อังกฤษ: chopper) คือรถBigbikeประเภทหนึ่ง เพราะเสียงของเครื่องยนต์ของรถประเภทนี้มีเสียงดังเป็นจังหวะๆ คล้ายเสียงของเฮลิคอปเตอร์นั่นเอง สาเหตุที่เสียงของรถ Chopper Bike มีเสียงดังเป็นจังหวะอย่างที่เคยได้ยินเพราะรถประเภทนี้มี 2สูบวางอยู่เป็นรูปตัว V และยังมีการจุดระเบิดพร้อมๆกัน จึงมีช่วงขอบเสียงเครื่องยนต์ดังเป็นจังหวะดังกล่าว รถประเภทนี้จะมีการออกแบบให้มีเบาะอยู่ต่ำกว่ารถ Bigbikeประเภทอื่น และมีตำแหน่งของแฮนด์ที่สูงอยู่ในระดับไหล่ผู้ขับขี่หรืออาจจะสูงกว่าแล้วแต่ผู้ขับขี่จะเลือกมาใส่
ขอขอบคุณ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

ขอขอบคุณ จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
                                                 และ http://hd-playground.com/   ครับผม
ชื่อ  นายชยางกูร  บุญศรี
ชั้น ม.4.5 เลขที่ 14
ชื่อเล่นชื่อ หวาย
เกิดวันที่ 30 สิงหาคม 2541